- Chapter3 -
Calum's part
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่ล้อมรอบไปด้วยเหล่าแฟนคลับที่ออกมายืนรอส่งพวกผมหลังจากอัดรายการวิทยุ ผมโบกมือให้พวกเธอผ่านแผ่นกระจกสีชาที่กั้นระหว่างผมกับเหล่าเเฟนๆ รถค่อยๆเคลื่อนตัวจากพวกเธอผมจึงละสายตามาที่มือถือของผมทันทีพลางเลื่อนไทม์ไลน์ขึ้นๆ ลงๆไปมา
"เจ๋งวะมึง ขึ้นtop chart ตั้งหลายประเทศ" หนุ่มผมสีลูกกวาดเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบในรถ ไมค์ยื่นมือถือของมันมาที่หน้าผม
"แน่นอน กูแต่งซะอย่าง" ไม่รู้ว่าผมเป็นคนขี้อวดตั้งเเต่เมื่อไหร่ หลังจากที่หลุดคำพูดนั้นไป เสียงสาปแช่งของลุค ไมค์และเเอชตันก็ดังตามขึ้นมาทันที คำพูดของพวกมันลอยเข้าหูซ้ายเเล้วผ่านออกไปยังหูขวา เอาจริงๆในสมองของผมตอนนี้แทบจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเท่าไหร่ สิ่งที่ผมนึกถึงคือวิญญาณจอมตื้อที่ผมทิ้งเธอไว้ที่บ้านต่างหาก ป่านนี้คงทำบ้านพังไปแล้วแน่ๆ
"เออไอ้คาร์ล ครอบครัวมึงจะกลับจากสวิสวันไหนวะ กูกะจะกลับบ้านกูเลย" ความคิดผมถูกขัดด้วยเสียงของเเอชตัน
"น่าจะอาทิตย์หน้า กูอยู่คนเดียวได้ มึงกลับบ้านไปหาแฮรี่เหอะ" ความจริงผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย
"ไม่ต้องถามกู กูขอนอนบ้านมึงอีกสองสามวัน" ผมมองหน้ามันที่ดูระริกระรี้ ผมรู้เหตุผลของมันดี ไม่ใช่มันจะรักผมหรอก มันรัก playstation4 ของผมมากกว่า
"แล้วมึงอะไมค์"
"ขอกลับบ้านเหมือนกันวะ เจอกันอีกทีตอนออกรายการเลย" ผมพยักหน้าให้ไมค์ ไม่ใช่พวกผมไม่รักกันหรอกนะ พวกเราอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน พอมีเวลาว่างก็อยากมีเวลาให้ครอบครัวบ้างก็เท่านั้นเอง จะให้ตัวติดกันเป็นแฝดสี่ก็คงจะไม่ไหว พอได้จังหวะพ้นแฟนคลับ ไมค์กับแอชก็เปลี่ยนไปยังรถอีกคันทันที ผมคิดอะไรมาเรื่อยเปื่อย รถก็มาจอดหน้าบ้านผมซะเเล้ว ผมไม่รอช้ารีบลงจากรถเเล้ววิ่งเข้าบ้านทันที สิ่งของในบ้านยังเหมือนเดิมแหะ ขัดกับความคิดในหัวผมก่อนที่จะเข้ามาในบ้านอย่างมาก ผมไล่สายตามองวิญญาณสาว แต่ก็ไม่พบ 'ไปไหนของเขาวะ'
"หลบสิ๊ กูจะไปหาเบบี๋" ผมถูกไอ้ลุคดันจากข้างหลัง เบบี๋ที่มันว่าก็ไม่ใช่อะไร PS4 ของผมนั่นเเหละครับ ลุคมองมาที่ผมอีกครั้งก่อนฉีกยิ้มที่สาวๆทุกคนเห็นแล้วคงละลายเป็นแถว แต่สำหรับผมไม่ ผมส่ายหน้าใส่มันก่อนวิ่งไปข้างบนทันที คิดจะเล่นซ่อนหากับฉันหรอไงยัยวิญญาณจอมตื้อ
"ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย!" เสียงเเหลมที่คุ้นหูดังออกมาจากห้องของผม อารมณ์โกรธผมพุ่งขึ้นมาทันที บอกว่าห้ามตะโกน ทำไมไม่รู้จักจำวะ ผมรีบสาวมือไปยังลูกบิดประตู
"บอกเเล้วไงว่า..."คำพูดที่ผมกลั่นกรองเอาไว้ว่าเธอถูกกลืนลงคอไปทันทีที่ผมเห็นเธอกำลังนั่งขดตัวอยู่ข้างๆเตียงของผม
"ฉันรับมันไม่ไหวแล้ว มันปวดเหลือเกิน ฮือ" น้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย ถึงเธอจะไม่พูดคำพูดพวกนั้นออกมา ผมก็สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกแบบนั้นอยู่ดี คิ้วน้ำตาลของเธอที่เคยเหยียดตรง ณ ตอนนี้กลับถูกขมวดไว้เป็นปม ริมฝีปากบางที่ขยับแต่จับเป็นคำพูดไม่ได้เลย มีแค่เสียงร้องไห้เท่านั้นที่ผมจับใจความได้ ผมรีบดึงมือของเธอที่กำลังทุบหน้าอกของเธออยู่ ผมตกใจกับสัมผัสที่เกิดขึ้น ทำไมผมแตะตัวเธอได้เร็วขนาดนี้ ผมปล่อยให้คำถามนั่นวนอยู่ในหัวของผม พลางโอบเธอเบาๆ ร่างบางยังคงสั่นระริกภายใต้อ้อมเเขนของผม น้ำอุ่นๆที่ซึมผ่านเสื้อบริเวณอกของผม ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เธอเจอคงหนักเกินสิ่งที่เธอจะรับไหว ผมได้แต่ลูบหลังเธอ จนเธอค่อยๆสงบลง
"ทำไมฉันต้องเจอกับเธอด้วยนะ"ผมมองผู้หญิงตรงหน้า ตาบวมแดงที่ปิดสนิทกับคราบน้ำตาที่เริ่มแห้ง ทำให้รู้ว่าภายในร่างกายของเธอคงบอบช้ำอยู่ไม่น้อย ผมอุ้มเธอขึ้นก่อนวางเธอบนเตียงของผมอย่างเบามือ
"เธอเป็นวิญญาณจริงๆใช่มั้ย" ผมเกลี่ยผมที่เกะกะบนใบหน้าผากที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของเธอ พลางมองคราบน้ำตาที่เธอได้ทิ้งรอยไว้ มันแปลกมากที่สัมผัสทุกสัมผัสก่อนหน้านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของผม ทำไมผมถึงแตะต้องตัวเธอได้เร็วขนาดนี้ เธอทำให้ผมนึกถึงใครบางคน ใครบางคนที่ผมอยากจะลืม แต่ยิ่งพยายามลืมมากเท่าไหร่ มันกลับทำให้ผมจำเธอคนนั้นได้อย่างชัดเจน
'เธอรีบเข้าร่างสิ เเคท' ผมรีบบอกคน ไม่สิวิญญาณตรงหน้า หลังจากล็อคประตูสีเขียวบานใหญ่ กลิ่นแอลกอฮอลล์ที่เตะจมูกผมอย่างแรงทำให้ผมต้องขยับจมูกไปมาเพื่อบรรเทาอาการที่อยากจะจามเต็มที ทำไมทุกโรงพยาบาลถึงต้องมีกลิ่นแย่ๆแบบนี้ด้วยวะ
ผมรีบสาวเท้ายาวๆไปยืนข้าง'เเคทอรีน' ที่มัวเเต่มองร่างของตัวเองนอนเเน่นิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ในที่สุดผมก็หาร่างเธอเจอสักที
'ฉันลองแล้วคาร์ล ฉันลองแล้ว' แคทอรีนหันมาหาผมช้าๆ ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องมองมาที่ผมก่อนริมฝีปากอมชมพูจะยกขึ้น เธอยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา และยังเป็นยิ้มที่ผมชอบ
'เธอตั้งสติดีๆสิ ตั้งสติ' ผมจับมือเธอมากุม พร้อมพูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา เธอต้องฟื้นขึ้นมาในร่างคนสิ เธอต้องฟื้นมาอยู่กับผม ผมใช้เวลาตั้งหลายปี ต้องทิ้งเกือบทุกอย่าง ถูกคนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาด ถูกมองว่าบ้า ต้องขโมยประวัติคนไข้ก็เพื่อวันนี้ไม่ใช่หรอ วันที่เธอจะฟื้นขึ้นมา....
'ฉันทำแล้ว แต่นายก็เห็นร่างของฉันไม่ใช่หรอ นายก็รู้ว่า...'
'ฉันไม่สน! เธอต้องกลับเข้าไปในร่างนั่น' ผมไม่ยอมให้เธอพูดจบ ผมช้อนร่างตรงหน้าก่อนวางลงบนเตียงที่มีอีกร่างนึงนอนนิ่งอยู่ เธอนอนทับร่างไร้วิญญาณอยู่สักพัก
'นายเห็นรึยังว่าฉันทำไม่ได้' เธอเช็ดน้ำตาที่ยังคงไหลอย่างต่อเนื่องอย่างลวกๆ ก่อนยันตัวเองจากเตียง นิ้วเรียวยาวเอื้อมมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาของผมเช่นเดียวกับเธอ
'นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นโรคอะไร ถึงฟื้นขึ้นมาฉันก็อยู่กับนายไม่ได้นานเหมือนกัน'
'งี่เง่า! งี่เง่าที่สุด!!!!!' ผมตะโกนออกมาอย่างกับคนบ้า ผมไม่น่าพลาดวางแฟ้มประวัติคนไข้ไว้ในรถตอนที่ผมไปติดต่อโรงพยาบาลเฮงซวยนี่เลย เธอคงแอบเปิดมันและ...รู้หมดทุกอย่าง แคทอรีน โซฟฟ์ เธอเป็นโรคลูคีเมียเรื้อรังตั้งเเต่เด็ก อาการของเธอเริ่มเเย่ลงเรื่อยๆ จนเธอต้องเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล ผมมองร่างบนเตียงที่หลับตาสนิท เสียงชีพจรที่ดังอย่างต่อเนื่องตอกย้ำผมว่าเธอยังไม่ตาย หัวใจเธอยังเต้นอยู่ มันยังมีความหวังไม่ใช่หรอ
'ฉันทำทุกอย่างทั้งหมด ไม่ได้หวังให้มันจบแบบนี้!' ผมบีบมือบางๆที่กำลังลูบหน้าผมเธอมองหน้าผมด้วยความตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหนีไป
'ฉันก็ไม่อยากให้มันจบแบบนี้ นายก็รู้ฟื้นขึ้นมาฉันก็ต้องตายอยู่ดี ฉันไม่อยากทรมานอีกแล้ว'
'เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวที่สุด เธอไม่นึกถึงใจของฉันเลยเเคทอรีน เธอไม่นึกถึงมันเลย' ผมเค้นคำพูดผ่านลำคอ แต่ละคำมันช่างยากลำบากอะไรอย่างนี้
'ฉันขอโทษ เเต่....' เธอกุมมือผมแน่น การมองหน้าเธอตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีนักเพราะมันยิ่งทำให้อารมณ์โกรธเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมรักเธอ รักวิญญาณของเธอ ผมทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันเเบบคนปกติ ตรงกันข้ามกับเธอที่ไม่พยายามทำเพื่อผมเลย
'ที่ผ่านมามันคงไม่มีความหมายอะไรกับเธอเลยสินะ' ผมสบัดมือที่ถูกกุมไว้อย่างหลวมๆจากผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่แม้เเต่จะหันหลังกลับไปมอง ผมรู้ดีว่านั่นอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นเธอ โอกาสสุดท้าย............
"Rrrrrrrrrrrrrr~" ผมหลุดออกจากความคิดเมื่อหลายปีก่อนเพราะแรงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกง จริงๆผมต้องขอบคุณมันมากกว่าที่ดังขึ้นมา ใช่ว่าผมอยากจะนึกถึงมันนักหนา ผมกดรับสายพลางมองคนบนเตียงก่อนปิดประตูอย่างเบามือ
End Calum's part
ฉันลืมตาขึ้นมาสายตาเริ่มโฟกัสกับวอลเปเปอร์วงร็อคที่คุ้นตา พ้นจากฝันร้ายเเล้วสินะ สัมผัสนุ่มๆที่มือฉันทำให้รู้ว่าฉันนอนอยู่บนเตียงของคาลัม ฉันรีบเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงเขาทันที ถ้าเขาเห็นว่าฉันมายุ่มย่ามบนนี้ฉันตายแน่ ฉันละความคิดเรื่องคาลัมไปเพราะฉันมีสิ่งที่สำคัญมากกว่า ฉันรีบหยิบกระดาษบนพื้นกับดินสอบนโต๊ะพลางนั่งลงข้างๆเตียง สิ่งที่ฉันเห็นในความทรงจำนั่นมันต้องพาฉันไปหาร่างได้แน่ๆ ฉันไม่รอช้ารีบจรดปลายดินสอไปที่กระดาษเป็นตัวอักษรในความทรงจำของฉันทันที
"ไปทำอะไรตรงนั่นหนะ" เสียงเข้มที่ดังมาจากด้านบนทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ฉันเงยหน้าไปยังต้นเสียงเห็นคาลัมยืนค่อมอยู่ด้านหลังของฉัน
"คาลัม นายมาตั้งเเต่เมื่อไหร่เนี่ย" ฉันกำกระดาษในมือ
"เมื่อกี้ แล้วลงไปทำอะไรที่พื้น กว่าจะอุ้มเธอขึ้นมาทำแขนฉันเกือบหัก" นี่เขาอุ้มฉันขึ้นมาหรอ นึกว่าฉันโอเวอร์เเอคติ้งกับความทรงจำ จนคลานขึ้นมาบนเตียงเอง ฉันอมยิ้มเล็กน้อยกับการกระทำผสมกับคำเหน็บแนมของคนตรงหน้า แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลามาอมยิ้มนะยัยบ้า ฉันรีบชูกระดาษในมือไปที่หน้าเขาทันที
"คืออะไร TSOQ107" เขาอ่านสิ่งในกระดาษสลับกับมองหน้าฉัน
"ป้ายทะเบียนรถครอบครัวฉัน แล้วนี่ warringah freeway เป็นที่ที่ฉัน..." ฉันจ้องมองเขา เช่นเดียวกันกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นที่จ้องมาที่ฉันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหลบตาเลยสักนิด เขาพยักเผยิดหน้าเป็นเชิงให้ฉันพูดต่อ
"เป็นที่ที่ฉันรถคว่ำ ทั้งครอบครัวเลย"
"นี่คงเป็นสาเหตุให้เธอมีอาการเเบบนั้นสินะ" คาลัมมองหน้าฉัน ดวงตาคู่เดิมที่เดาความรู้สึกไม่ได้อีกเช่นเคยมันทำให้ฉันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
"แล้วเธอหายรึยัง...อาการปวดหนะ"
"ดีขึ้นมากแล้วหละ เอ้ย!" เสียงฉันทำให้คาลัมสะดุ้งเล็กน้อย
"ฉันนึกได้อีกอย่าง นิค คนชื่อนิคส่งmessage มาหาฉันก่อนที่รถจะคว่ำ" ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ย ฉันรีบเอาดินสอเขียนชื่อนิคลงในกระดาษแผ่นเดิมก่อนมองไปยังชายเบื้องหน้าที่เอาแต่ยืนกอดอก
"สิ่งที่เธอนึกได้ทำให้ฉันหาตัวเธอได้ง่ายขึ้นเยอะเลย เธอว่ามั้ยหล่ะ?" เขาดึงกระดาษไปจากมือฉัน บางทีก็สงสัยนะว่านายคาลัมนี่จะมีสักครั้งมั้ยที่เขาจะช่วยโดยไม่เหน็บฉัน
"ทะเบียนรถไง! ตามได้ชัวร์"
"จะตามจากไหน เห็นฉันเป็นคนจดทะเบียนรถรึไง" เขาตวัดสายตามาที่ฉัน สายตาที่แทบจะเขมือบหัวฉันได้ทั้งหัว จริงด้วยว่ะ แต่หาในอินเทอร์เน็ตไรอย่างนี้ไม่ได้หรอ
"ใช่ว่ามันจะเปิดจากกูเกิ้ลได้ทุกอย่าง แล้ว warringah freeway นี่ก็มีอุบัติเหตุเยอะจะตาย" เขาอ่านความคิดฉันได้ด้วยหรอเนี่ย ผู้ชายอะไรช่างน่าทึ่งเสียจริง( - -)
"แล้วนิคหล่ะ" เขาหรี่ตามองฉันก่อนเดินไปหยิบโน๊ตบุ๊คแล้วมานั่งบนเตียง เสียงกระทบระหว่างนิ้วกับแป้นพิมพ์ดังอย่างต่อเนื่อง ฉันชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆเขา เพียงไม่กี่วิหน้าจอก็ขึ้นคำว่ากูเกิ้ลตัวโต ฉันยืดอกเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ ในที่สุดเขาก็ต้องทำตามฉัน
ช่องค้นหาถูกเติมเต็มด้วยคำว่านิค หลังจากเขากดปุ่มenter ก็มีรูปผู้ชายขึ้นมาเต็มไปหมด ฉันไล่สายตาไปยังรูปพวกนั้น รูปที่ไม่คุ้นตาเลยสักนิด
"นิคของเธอคนไหนล่ะ ใช่นิค โจนาส รึเปล่า?นั่นไอดอลฉันเลยนะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า"
"ฉันไม่ตลกนะ" ช่างวอนบาทาจริงๆ คนกำลังกลุ้ม นี่สิ่งที่นึกได้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยหรอเนี่ย
"โอเคๆ เดี๋ยวฉันจะลองถามพ่อให้ พ่อฉันน่าจะมีเพื่อนอยู่ที่กรมทางหลวง"
"ฉันว่าเเล้วนายต้องช่วยฉันได้ ไม่งั้น.. " คำพูดของฉันถูกขัดจากเสียงท้องของฉันที่ดังโครกครากไม่หยุด ไม่ต้องถามถึงระดับความดังเพราะมันดังจนทำให้คาลัมกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ ฉันรีบเอามือกุมท้องทันที น่าขายหน้าชะมัด TT
" ฉันว่าพักเรื่องนี้ก่อนแล้วจัดการกับท้องของเธอดีกว่านะ"
"ขอบคุณที่นายอนุญาติ" ฉันฉีกยิ้ม ก่อนรีบก้าวเท้าไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว
"นี่เธอจะไป...." ฉันไม่รอให้เขาพูดจบ เท้าของฉันทำตามความรู้สึกเสมอ เเละตอนนี้ฉันรู้สึกหิวมากกกก ฉันรีบวิ่งลงมาหาตู้เย็น ความหิวทำให้ฉันไม่ได้สนใจสิ่งอื่นนอกจากตู้เย็นตรงหน้า ฉันนึกภาพในตู้เย็นต้องมีของเต็มตู้เเน่ๆ นายนั่นอยู่กับเพื่อนๆตั้งเยอะ แต่มันก็เป็นได้แค่ภาพในหัวเท่านั้นเพราะภาพที่ฉันเห็นทำให้ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านายนั่นโตขึ้นมาเป็นผู้ชายร่างกายสมบูรณ์ได้ยังไง แกลลอนนมที่มีนมอยู่ประมาณสองหยด ฉันหยิบแกลลอนนมออกมา เขาใส่มันเข้าไปในตู้เย็นทำไมเนี่ย มันหมดเเล้วไม่ใช่หรอ ฉันไล่สายตาดูของ ไม่สิ มันเป็นขยะชัดๆ ผักเหี่ยวๆที่ถูกลืมในซอกตู้เย็น แยมที่เหลือก้นขวด เขากินอะไรเป็นอาหารวะ ขยะพวกนี้อะนะ??
"คาร์ล มึงลงมาก็ดี กูหิวชิบ....O_0" เสียงนั่นมันคล้ายกับเสียงเทพบุตรของฉันเลยหนิ ฉันหันไปหาต้นเสียง ตามคาดนั่นลุคจริงๆด้วย ลุคยืนมองมาที่ฉัน ตาสีฟ้าที่เบิกกว้างบวกกับปากบางเฉียบที่อ้าจนเห็นฟันขาวเกือบทุกซี่ แลดูคล้ายกับอาการตกใจนะ
"What the fuck!!!" สิ้นเสียงลุค ฉันก็รีบปล่อยแกลลอนนมในมือทันที เวร!!!
"อะไรของมึงเนี่ย"คาลัมรีบวิ่งมาประกบข้างๆลุคทันทีที่เสียงแกลลอนดังกระทบพื้น สายตาเขามองมาที่ฉันสลับกับลุคที่กำลังอึ้งรับประทานอยู่
"กะ กูเห็นแกลลอนมันลอนอยู่กลางอากาศ O_O" จริงๆด้วยเหมือนที่ฉันคิดเป๊ะ ลุคชี้มาที่แกลลอนที่กลิ้งอยู่ปลายเท้าฉัน คาลัมมองมาที่แกลลอน ก่อนส่งสายตาอำมหิตมาที่ฉัน
"เล่นเกมส์จนเพี้ยนแล้วมึงอ่ะ"
"กูเห็นจริงๆ แล้วตู้เย็นก็เปิดเองด้วย มึงดูดิ" ลุคชี้มาที่ตู้เย็น
" กูเปิดเองอะ มึงหิวไม่ใช่หรอเดี๋ยวกูทำแซนวิสไปให้ มึงไปเล่นต่อเหอะ" คาลัมดันหลังลุคให้พ้นห้องครัว
"บ้านมึงไม่มีผีใช่มะ" มี ฉันเอง ^^/
"ไร้สาระหนะ ไปๆ"คาลัมผลักลุคออกไปก่อนหันมาทำหน้ายักษ์ใส่
"เกือบทำฉันซวยแล้วไม่หล่ะ ยัยเบ๊อะ" เขาเดินมาชนฉันก่อนเอื้อมมือไปหยิบขนมปังบนตู้
"ก็มันหิวนี่ แล้วอีกอย่างในนี้ก็มีแต่ขยะ" ฉันกอดอกมองเขาที่หยิบแยมเก่าๆนั่นออกมาจากตู้เย็น
"ขยะบ้าบออะไรของเธอ กินได้ทั้งนั้นแหละ"
"แล้วอีซากนมนี่อ่ะ นายกินพลาสติกเป็นอาหารหรอไง"
"เธอนี่มันน่า"
"อย่านะ!"สิ้นเสียงฉันช้อนที่เขาถืออยู่ ก็อันตรธานมาแปะกลางกบาลของฉันทันที
"ไปรอที่ห้องเลย"เขาชี้ขึ้นไปบนเพดาน
"ฉันหิวนี่ขอหาของกินก่อน" ฉันยื่นมือจะมาเปิดตู้เย็น เขาไม่รอช้ารีบเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ก่อน
"ไปรอที่ห้อง! เดี๋ยวทำไปให้"
"ก็ไม่อยากกินของที่นายทำนี่ เผด็จการชะมัด!!" ฉันสะบัดตัวออกจากบริเวณนั้นทันที ก่อนเดินผ่านลุคที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก เมื่อกี้ยังตกใจอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับนั่งจดจ่อกับจอทีวีและจอยเกมส์ในมือแทนซะเเล้ว แรงดึงดูดของเขาทำให้ฉันละจากบันไดมานั่งโซฟาใกล้ๆเขาแทน
"คาร์ลล เสร็จยาง กูหิวววว" ฉันสะดุ้งกับเสียงทุ้มที่หลุดออกจากปากของลุค ตาสีฟ้าที่จับจ้องทีวี ริมฝีปากบางๆที่แต่งแต้มด้วย
ลิปริงค์สีดำ อะไรมันจะดูดีขนาดนี้ สายตาฉันยังคงสำรวจใบหน้าของลุคจนจุดโฟกัสเลยไปยังผู้ชายอีกคนที่หน้าตาต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"อ้าวคาร์ลมึงไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มาเร็วๆกูหิว" สายตาอำมหิตยังคงจ้องมาที่ฉัน
'อัคค~~'แรงกระแทกอย่างแรงพุ่งมาจากด้านข้าง จนทำให้ฉันกระเด็นไปอยู่ขอบโซฟา แรงนั่นก็ไม่ได้มาจากที่ไหน มาจากคาลัมเจ้าเก่าที่ทิ้งตัวลงมาระหว่างที่ว่างแคบๆของลุคกับฉัน
"ที่มีตั้งเยอะ มาเบียดกูทำไมวะเนี่ย" ขอบคุณนะลุคที่พูดแทนฉัน นายนั่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พลางหยิบแซนวิสขึ้นมากินอย่างหน้าตาเฉย ลุคเอื้อมมาหยิบแซนวิสในจานอีกชิ้นทำให้ในจานมีแซนวิสน่าตาน่าเกลียดเหลืออยู่อีกแผ่น นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำให้ฉันกินหรอกนะ คาลัมมองมาที่ฉันก่อทำปากขมุบขมิบที่จับใจความได้ว่าให้ฉันไปรอที่ห้อง
"หิวโว้ยยยยย! " ฉันตะโกนใส่หน้าคาลัม ทำให้เขาผงะไปเล็กน้อย ก่อนสะบัดก้นขึ้นไปรอที่ห้องเขาทันที ฉันสอดส่องสายตามองหา M&M ที่ยังคงนอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา มือของฉันไม่รอช้ารีบโกยช็อคโกเเลตเขาปากทันที
"ฮ๊าาาา รอดตายเเล้วเรา"ฉันเอ่ยออกมาเมื่อได้รับรู้ถึงรสชาติละมุนของ m&m ไม่ทันที่ฉันจะหยิบ m&m เม็ดต่อไปเสียงประตูก็ดังขึ้น
"ไหนอ่ะของกินของฉัน"ฉันมองไปยังมือของคาลัมที่ยังคงถือจานแซนวิสสุดสยองเดินเข้ามาหาฉัน เขาไม่พูดอะไรพลางยื่นจานนั่นมาที่หน้าฉัน
"อ่ะ กินซะ"ฉันมองเเซนวิสตรงหน้า ก่อนหยิบ m&m เข้าปากแทน
"นายไม่มีอย่างอื่นให้ฉันกินเเล้วจริงๆหรอ" ฉันมองหน้าเขาก่อนดันจานที่แสนน่ากลัวนั่นออกไป
"ไม่ เธอต้องกินไอ้นี่แหละ"เขาใช้สายตาดุฉันอีกตามเคยก่อนจะหยิบแซนวิสสยองๆมาจ่อที่ปากฉัน
"ฉันกิน m&m นี่ก็ได้... ฉันว่าน่าจะดีกว่าเเซนวิสนี่"
"ไม่ได้! ฉันทำให้เธอ เธอต้องกินมันเข้าไป " ไม่ใช่แค่คำพูดที่ลอยมาใส่หน้าฉัน คางของฉันถูกมือหนาๆของเขาบีบเข้ามาเบาๆเป็นการบังคับให้ปากของฉันเปิดอ้าอย่างเสียไม่ได้
"ปล่อย นายจะทำอะไรวะเนี่ย"มือขวาที่ก่อนหน้านี้เคยกำถุงm&m เปลี่ยนมาจับข้อมือของเขาเเทน
"กิน!!!" หมดคำนั้น หมอนั่นก็เอาแซนวิสที่เย็นชืดก็พุ่งมากระทบกับริมฝีปากของฉันที่พยายามปิดกั้นความสยองที่อยู่ข้างหน้า
"ฮึ่ด อือออ" ฉันส่ายหัวไปมาต้านแซนวิสที่จ่ออยู่ตรงปากของฉัน
"อ้าปาก! เธอต้องได้รับสารอาหาร 5 หมู่เข้าใจมั้ย"ฉันส่ายหน้าอย่างเเรง คุณคาลัมคะ สารอาหารที่คุณว่าฉันจะได้มันได้ยังไง ในเมื่อตู้เย็นของคุณมีเเต่ขยะนะคะ
"ฉันไม่...อุ้ก!!" ฉันไม่น่าพลาดเถียงกับเขาเลย แซนวิสสุดสยองหลุดเขาปากของฉันจนได้ ลิ้นของฉันได้สัมผัสกับรสชาติสุดแปลกของขนมปัง ฉันรีบกลืนมันลงคอพลางจ้องขนมปังส่วนที่เหลือ
"ฉันเป็นผีนะโว้ย ไม่ต้องการสารอาหาร5หมู่อะไรของนายนั่นหรอก "ฉันย่นจมูกใส่เขาก่อนจะวางขนมปังนั่นลง
"กิน ให้ หมด!!!"ก่อนที่ขนมปังเย็นชืดจะแตะเข้ากับจาน เขาก็เอื้อมมือมาจับข้อมือฉันไว้ก่อน
"ฆ่าฉันเหอะ นายได้ลองชิมบ้างมั้ยเนี่ย!!"
"จะช่วยต่อดีมั้ยน้า...." กวนประสาทชะมัดเลย คนประเภทไหนกันเนี่ย ฉันมองหน้าคาลัมที่เอื้อมมือไปหยิบกระดาษที่จดความทรงจำของฉัน ฉันกลั้นใจกัดแซนวิสไปอีกคำแทนคำตอบ
"แค่นั้นแหละที่ฉันต้องการ " เสียงหัวเราะทุ้มๆในลำคอของเขาดังขึ้น
"เธอยังจำชื่อไม่ได้ใช่มั้ย"ฉันไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้าตอบ เพราะถ้าฉันเปิดปากสิ่งที่ออกมาอาจจะไม่ใช่คำพูด แต่อาจจะเป็นอ้วกของฉันแทน รสชาติแซนวิสบ้านี่มันแย่จริงๆนะ
"ฉันเรียกเธอว่าเอ็มนะ มาจาก M&M ดีมั้ยหล่ะ"
"เอาที่นายสบายใจเลยละกัน แต่ก็ขอบคุณนะที่ตั้งให้" ฉันมองเขาอีกครั้ง ฉันไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมเวลาจ้องตากับเขาอุณหภูมิในตัวฉันถึงได้แปรปรวนทุกครั้ง ฉันละความคิดมาที่แซนวิสชิ้นเดิม เฮ้อ! ลมหายใจถูกปล่อยออกมาอย่างอัตโนมัติ นี่มันยังไม่หมดอีกหรอเนี่ย จะบ้าตาย - -'
"นายอิ่มแล้วหรอ เอาอีกสักหน่อยมั้ย แหะๆ" ฉันยิ้มแห้งพลางยื่นเเซนวิสจืดชืดไปที่เขา
"ถ้าเธอพูดถึงแซนวิสอีกที เธอได้ตายรอบสองเเน่ๆ ฉันสาบานเลย กินมันเข้าไปเดี๋ยวนี้!!" เขาดันแซนวิสเจ้าปัญหามาโดนหน้าฉัน ก่อนเราทั้งคู่จะหัวเราะไปด้วยกัน เย็นวันนั้นฉันต้องอยู่กับแซนวิสรสชาติสุดป่วยไปอีกหลายชั่วโมง แต่ฉันกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะมีนายคาลัมอยู่ข้างๆรึเปล่านะ.....:)
Writer's talk
ตอนนี้นางเอกมีชื่อเเล้วน้า ตอนนี้เนื้อเรื่องอาจจะเนิบๆ แต่มันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่าพึ่งเบื่อกันนะรีดเดอร์ทุกคนนน ขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงพาร์ทสามน้าาา อ่านเสร็จก็อย่าลืมกดโหวตแล้วเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยเด้อ จุ๊บๆๆ😘😘
Bạn đang đọc truyện trên: Truyen4U.Com